สถานที่เยี่ยมชม

พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน
ตั้งอยู่ ณ ตําบลเกาะเกิด อําเภอบางปะอิน
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ฯ
ทุกวันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ เทศกาลปีใหม่
และสงกรานต์)
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ฯ
ทุกวันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ เทศกาลปีใหม่
และสงกรานต์)
แสดงเนื้อหา
สถาบันสิริกิติ์ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
นับตั้งแต่ช่วงต้นรัชสมัยรัชกาลที่ ๙ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงเยี่ยมราษฎร
ในทุกภูมิภาค ได้ทอดพระเนตรเห็นงานหัตถกรรม จากภูมิปัญญาของราษฎรที่เป็นชาวนาชาวไร่ในหลายหมู่บ้านหลายพื้นที่ในชนบท ทรงเล็งเห็นและทรงชื่นชมฝีมือช่างและนิสัยรักศิลปะของชาวไทยดังที่เคยมีพระราชดำรัสไว้
ในคราวหนึ่งว่า “ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอมาว่า คนไทยมีสายเลือดของช่างฝีมืออยู่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ชาวนาหรือมีอาชีพใด อยู่สารทิศใด คนไทยมีความละเอียดอ่อน และฉับไวต่อการรับศิลปะทุกชนิด ขอเพียงแต่ให้เขามี
โอกาสได้เรียนรู้และฝึกฝน เขาก็จะแสดงความสามารถออกมา ให้เห็นได้” (พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานแก่ผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๒ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา)

พระราชดำรัสนี้แสดงถึงที่มาของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯให้จัดตั้งขึ้น เมื่อปี ๒๕๑๙ ทรงส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้เสริม จากการทำงานหัตถกรรม โดยไม่ทิ้งอาชีพเกษตรกรรมขณะเดียวกันเพื่อธำรงรักษางานศิลปะที่เกือบจะสูญหาย ไปกับกาลเวลา
ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งโรงฝึกศิลปาชีพสวนจิตรลดา ขึ้นในปี ๒๕๒๑ พระราชทานโอกาสให้สมาชิกในครอบครัว ชาวนาชาวไร่ที่ยากจนมาฝึกอบรมงานศิลปาชีพแขนงต่าง ๆ เพื่อเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้อีกทั้งเป็นการสืบสานศิลปะชั้นสูงของไทยด้วยโรงฝึกศิลปาชีพเริ่มจากเต็นท์เล็ก ๆ ข้างกองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายในสวนจิตรลดาแล้วค่อย ๆ ขยายเป็นโรงฝึกขนาดใหญ่มีแผนกงานศิลป์และงานช่างฝีมือหลายสาขา อาทิ ถมทอง คร่ำ เครื่องเงินเครื่องทอง ลงยาสี จักสานย่านลิเภา แกะสลักไม้และแกะสลักตุ๊กตาไม้ ตกแต่งปีกแมลงทับ ปักผ้า ทอผ้าฯลฯ
ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งโรงฝึกศิลปาชีพสวนจิตรลดา ขึ้นในปี ๒๕๒๑ พระราชทานโอกาสให้สมาชิกในครอบครัว ชาวนาชาวไร่ที่ยากจนมาฝึกอบรมงานศิลปาชีพแขนงต่าง ๆ เพื่อเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้อีกทั้งเป็นการสืบสานศิลปะชั้นสูงของไทยด้วยโรงฝึกศิลปาชีพเริ่มจากเต็นท์เล็ก ๆ ข้างกองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายในสวนจิตรลดาแล้วค่อย ๆ ขยายเป็นโรงฝึกขนาดใหญ่มีแผนกงานศิลป์และงานช่างฝีมือหลายสาขา อาทิ ถมทอง คร่ำ เครื่องเงินเครื่องทอง ลงยาสี จักสานย่านลิเภา แกะสลักไม้และแกะสลักตุ๊กตาไม้ ตกแต่งปีกแมลงทับ ปักผ้า ทอผ้าฯลฯ







ตลอดระยะเวลา ๔๐ ปี โรงฝึกศิลปาชีพ สวนจิตรลดา ได้สร้างสรรค์บุคลากร และผลงานประณีตศิลป์ชั้นสูงรวม ๒๓ สาขา ได้พัฒนาช่างศิลป์สู่ระดับฝีมือช่างหลวงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์และยังคงยึดมั่นในพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางงานช่าง ช่วยสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ราษฎร ควบคู่ไปกับการธำรงรักษามรดกศิลป์ไทยและเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ รัฐบาลได้ประกาศยกสถานะ โรงฝึกศิลปาชีพ สวนจิตรลดา ขึ้นเป็น “สถาบันสิริกิติ์” ด้วยเล็งเห็นศักยภาพ ของหน่วยงานที่สร้างสรรค์ผลงานก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ อย่างยั่งยืนในหลายมิติ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษาในพุทธศักราช ๒๕๕๕
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่างานช่างไทยโบราณที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของความเป็นไทย บุคลากรฝีมือเยี่ยมที่มีความสามารถสร้างสรรค์งานศิลป์ชั้นสูง ของสถาบันสิริกิติ์ที่แม้แต่นานาชาติยังร่วมยกย่องชื่นชม ล้วนเกิดจากพระวิสัยทัศน์และพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงสืบสานศิลปะไทยฝากไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่างานช่างไทยโบราณที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของความเป็นไทย บุคลากรฝีมือเยี่ยมที่มีความสามารถสร้างสรรค์งานศิลป์ชั้นสูง ของสถาบันสิริกิติ์ที่แม้แต่นานาชาติยังร่วมยกย่องชื่นชม ล้วนเกิดจากพระวิสัยทัศน์และพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงสืบสานศิลปะไทยฝากไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
เฉพาะชาวต่างชาติสามารถใช้บัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังเข้าชมฟรี หรือซื้อบัตรได้ที่หน้าพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ต.เกาะเกิด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
บัตรราคา ๑๕๐ บาท นักเรียน นักศึกษาและผู้สูงอายุ ๗๕ บาท (แสดงบัตรประจําตัว) เวลาเข้าชม ๑๐.๐๐ – ๑๕.๓๐ น. (เวลาจําหน่ายบัตร ๐๙.๔๕ – ๑๕.๐๐ น.) ปิดวันจันทร์ เทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์
บัตรราคา ๑๕๐ บาท นักเรียน นักศึกษาและผู้สูงอายุ ๗๕ บาท (แสดงบัตรประจําตัว) เวลาเข้าชม ๑๐.๐๐ – ๑๕.๓๐ น. (เวลาจําหน่ายบัตร ๐๙.๔๕ – ๑๕.๐๐ น.) ปิดวันจันทร์ เทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์
www.artsofthekingdom.com โทร. ๐-๒๒๘๓ - ๙๔๑๑ ผลงานสถาบันสิริกิติ์ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯเชิญชมงานศิลปะชิ้นสำคัญของแผ่นดิน

แกะสลักไม้ และแกะสลักตุ๊กตาไม้
ผลงานไม้แกะสลักของสถาบันสิริกิติ์มี ๒ ลักษณะ คือแกะเป็นภาพนูนบนเนื้อไม้ และแกะลอยตัว ที่ผ่านมาได้สร้างสรรค์ทั้งผลงานขนาดเล็ก เช่นตุ๊กตาไม้โมกมัน ปกรายการพระกระยาหารฯลฯ และยังมีชิ้นงานขนาดใหญ่ ที่น่าภาคภูมิใจ คือ ฉากจำหลักไม้ตำนานเพชรรัตน์ฉากจำหลักไม้สระโบกขรณี และผลงานชิ้นเอกล่าสุดฉากจำหลักไม้เรื่อง “สังข์ทอง” และ “หิมพานต์”

คร่ำ
งานคร่ำเป็นการประดิษฐ์ลวดลาย ด้วยการฝังเส้นเงินหรือเส้นทองคำลงบนโลหะที่เป็นเหล็กด้วยเทคนิควิธีโบราณ โดยการทำผิวหน้าของเหล็กให้ขรุขระ ด้วยการสับเป็นเส้นตัดไปมาในทิศทางต่างๆ ซึ่งเรียกว่า “การสับเหล็ก” เมื่อฝังเส้นเงินเส้นทองลงไปตามลวดลายบนเหล็กที่สับแล้ว หนามเหล็กที่เกิดขึ้นจะทำหน้าที่คล้ายหนามเตยยึดเส้นเงินเส้นทองไว้ตามลวดลาย
เครื่องเงินเครื่องทอง
การทำเครื่องเงินและเครื่องทองให้งดงามได้นั้น ช่างทองต้องมีความชำนาญในการขึ้นรูปแผ่นเงิน หรือแผ่นทองให้ได้รูปทรงสมสัดส่วนที่ต้องการ และต้องฝึกฝนวิธีการตีสลักลวดลายลงบนทองคำ จนอ่อนช้อยงดงาม แล้วนำมาตกแต่งประกอบส่วนที่เป็นเงินหรือทองส่วนอื่น ๆ ให้กลมกลืนตามที่ออกแบบไว้



เครื่องเงินเครื่องทอง
การทำเครื่องเงินและเครื่องทองให้งดงามได้นั้น ช่างทองต้องมีความชำนาญในการขึ้นรูปแผ่นเงิน หรือแผ่นทองให้ได้รูปทรงสมสัดส่วนที่ต้องการ และต้องฝึกฝนวิธีการตีสลักลวดลายลงบนทองคำ จนอ่อนช้อยงดงาม แล้วนำมาตกแต่งประกอบส่วนที่เป็นเงินหรือทองส่วนอื่น ๆ ให้กลมกลืนตามที่ออกแบบไว้



ตกแต่งปีกแมลงทับ
การตกแต่งด้วยปีกแมลงทับนี้ มีวิธีการหลายขั้นตอนซึ่งจะต้องมีความประณีต พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกปีก คัดสี และเตรียมปีกแมลงทับที่นำมาใช้ตกแต่งต้องเป็นแมลงทับที่ทิ้งตัวตายตามธรรมชาติ จึงจะคงทนมีสีเหลือบ มันวาว ไล่สีต่างกันอย่างสวยงามและเมื่อผ่านกรรมวิธีการเตรียมปีก ที่จะช่วยให้ปีกและส่วนต่าง ๆ ของแมลงทับไม่เน่าเปื่อยหรือแห้งกรอบแล้ว จะสามารถนำมาตกแต่งด้วยการสานไปพร้อมกับการสานย่านลิเภา หรือประดับลงบนงานไม้แกะสลัก ฯลฯ






ถมทอง
เครื่องถมเป็นงานศิลปหัตถกรรมดั้งเดิม ของไทยมาตั้ง
แต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่มาเฟื่องฟูเป็นที่นิยมกันมาก
ในสมัยรัตนโกสินทร์เป็นงานฝีมือที่เริ่มจากการตีแผ่น
เงินเพื่อขึ้นรูปให้เป็น รูปทรงต่าง ๆ แล้วทำลวดลาย
ด้วยวิธีสลักให้พื้นผิวต่ำลงไปเป็นร่องเกิดเป็นลวดลาย
หรืออาจใช้วิธีเขียนลายกัดกรด โดยการเขียนลวดลาย
ลงบนผิวเงินที่ขึ้นรูปไว้แล้วและนำไปแช่ในน้ำกรดเพื่อ
กัดพื้นผิวเงินให้เป็นร่อง ทำให้เกิดลวดลายเหมือนการ
สลักต่อจากนั้นจึงนำยาถมซึ่งมีสีดำได้จากการ หลอม
โลหะหลาย ๆ ชนิดตามสัดส่วน มารมด้วยความร้อน
ถมตามร่อง ของลวดลายเดิมจนเต็มเสมอพื้นผิวเงิน
เมื่อตะไบให้ผิวเรียบเสมอกัน แล้วนำทองคำบริสุทธิ์ซึ่ง
ผสมเป็นเนื้อเดียวกันกับปรอทมาทาบนชิ้นงาน ให้ทั่ว
แล้วใช้ความร้อนเพื่อให้ปรอทระเหิดออกไปเหลือแต่ทอง
คำติดอยู่ สีดำของยาถม สีทองของทองคำ
จึงเรียกว่า ถมทอง

ปักผ้า
งานปักผ้าด้วยวิธีที่เรียกว่า “ปักซอย” เป็นงานประณีตศิลป์ของไทยแต่โบราณ เป็นงานที่ใช้ฝีมือความละเอียดอ่อนและความอดทนอย่างสูงของช่างปัก ที่จะบรรจงปักเส้นไหมไล่ระดับสีและแสงเงาให้เกิดเป็นภาพที่มีมิติงดงาม เส้นไหมที่ใช้ปักใช้ไหมน้อย เป็นไหมเส้นละเอียดชั้นในสุดของรังไหม โดยจะเริ่มจากการหัดปักลายเล็ก ๆ ก่อน เมื่อชำนาญแล้วจึงปักลายที่ซับซ้อน และเล่นสีเล่นเงามากขึ้น เช่นภาพธรรมชาติวิถีชีวิตชนบท ภาพสถานที่สำคัญ และภาพจินตนาการ จากวรรณคดี เมื่อผลงานปรากฏ หากมองระยะไกลจะคล้าย ๆ ภาพเขียนเหลือบสี สวยงามแปลกตา ทว่าเมื่อพิจารณาใกล้ ๆ จะเห็นฝีมือปักอันละเอียดประณีตงดงาม

ลงยาสี
การลงยาสี จะเริ่มต้นเตรียมงานด้วยการขึ้นรูปตามแบบที่ต้องการจากโลหะ ประเภททอง เงิน หรือทองแดงจะต้องกำหนดให้มีขอบกั้นสูงขึ้นพอเหมาะจากพื้นผิวเพื่อให้มีพื้นที่จะลงยาสีได้ทำพื้นผิวที่จะลงยาสีให้ขรุขระด้วยการย้ำพื้นและการแกะแร แล้วทำความสะอาดด้วยการเผาและการแช่น้ำกรด สีที่ใช้ในปัจจุบัน มีทั้งที่เป็นสีทึบและสีใส การเตรียมสีจะเริ่มจากการบดสีกับน้ำ กลั่นให้ละเอียดเป็นผงแป้งเมื่อละเอียดได้ที่หยดด้วยน้ำกรดเพื่อล้างสิ่งปนเปื้อนแช่ไว้สักครู่แล้วล้างออกด้วยน้ำกลั่น จากนั้นนำสีไปลงบนลายที่ต้องการทิ้งให้สีแห้งจนได้ที่จึงไปเผา




จักสานย่านลิเภา
ย่านลิเภาเป็นไม้เลื้อยประเภทหนึ่ง ที่ขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ในพื้นที่ป่าทางภาคใต้ของไทย เถาย่านลิเภามีคุณสมบัติเหนียว ทนทาน เหมาะกับการนำมา ประดิษฐ์จักสานเป็นเครื่องใช้ต่าง ๆ บรรพบุรุษไทย
แต่ครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์ นำย่านลิเภามาจักสานเป็นเครื่องใช้มากมาย ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ศิลปะการตกแต่ง ย่านลิเภา ได้พัฒนาขึ้นในระดับสูง มีการตกแต่งกระเป๋าหมากย่านลิเภา ด้วยโลหะหรือวัสดุมีค่าเช่น ทองคำ เงิน และนาก งานจักสานย่านลิเภา ต้องใช้ความอดทนสูง เพราะมีขั้นตอนการจัดหาและเตรียมวัสดุที่ใช้ลำบาก
ข่าวประชาสัมพันธ์
บริการฟรี shuttle bus รับ-ส่ง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ จากกรุงเทพฯ ไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ต.เกาะเกิด อ.บางปะอิน จ.อยุธยา
ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 62 เป็นต้นไป จะมี shuttle bus ขนาด 50 ที่นั่ง ให้บริการฟรี สำหรับ รับ-ส่ง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ที่จะเดินทางไปเยี่ยมชม "พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน" และ "อาคารเรียน-รู้-เรื่องโขน" ที่ จ.อยุธยา
ให้บริการ วันละ 2 รอบ ดังนี้
ทั้งนี้เที่ยวกลับ shuttle bus จะนำนักท่องเที่ยวกลับไปส่งที่บริเวณสนามหลวง
ให้บริการ วันละ 2 รอบ ดังนี้
1. รอบแรกออกจากถนนหน้าพระลาน เวลา 10:30 น. และเดินทางกลับจากพิพิธภัณฑ์ฯ เวลา 14:00 น.
2. รอบสองออกเวลา 12:00 น. และเดินทางกลับเวลา 15:00 น.
จุดจอดรถ shuttle bus คือบริเวณถนนหน้าพระลาน ตรงข้ามประตูวิมานเทเวศร์ (ฝั่งม.ศิลปากร ท่าพระ) ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นประตูทางออกของนักท่องเที่ยวจากพระบรมมหาราชวัง 2. รอบสองออกเวลา 12:00 น. และเดินทางกลับเวลา 15:00 น.
ทั้งนี้เที่ยวกลับ shuttle bus จะนำนักท่องเที่ยวกลับไปส่งที่บริเวณสนามหลวง
บัตรเข้าชม
1. นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ซื้อบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวัง สามารถนำบัตรดังกล่าวไปใช้เข้าชม "พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน"ได้ฟรี (เนื่องจากเป็นตั๋วร่วม)
2. สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ไม่มีบัตร เข้าชมพระบรมมหาราชวังสามารถไปซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่น และอาคารเรียน-รู้-เรื่องโขน ได้โดยตรงที่พิพิธภัณฑ์ฯ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 035-352-995 หรือ 02 283 9557
2. สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ไม่มีบัตร เข้าชมพระบรมมหาราชวังสามารถไปซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่น และอาคารเรียน-รู้-เรื่องโขน ได้โดยตรงที่พิพิธภัณฑ์ฯ
หมายเหตุ : รถ shuttle bus ให้บริการวันอังคาร-วันอาทิตย์ (วันทำการของพิพิธภัณฑ์ฯ)
หยุดทุกวันจันทร์ เทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์
สำหรับเทศกาลปีใหม่ 2563 นี้ พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดินจะปิด ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 62 - 6 ม.ค. 63
ย่อเนื้อหา
เข้าสู่เว็บไซต์



การแสดงโขน ศาลาเฉลิมกรุง
โขนศาลาเฉลิมกรุง จัดขึ้นเพื่อเป็นการดำเนินการตามรอย
พระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการอนุรักษ์ สืบสาน และเผยแพร่ศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ชั้นสูงของชาติไทย
พระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการอนุรักษ์ สืบสาน และเผยแพร่ศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ชั้นสูงของชาติไทย
แสดงเนื้อหา


การแสดงโขนศาลาเฉลิมกรุง
รอบนักท่องเที่ยวพระบรมมหาราชวัง
รอบนักท่องเที่ยวพระบรมมหาราชวัง
นอกจาก “โขน” ซึ่งเป็นนาฏกรรมชั้นสูงของไทยแล้ว สถานที่จัดการแสดงคือ ศาลาเฉลิมกรุง เป็นโรงมหรสพหลวง ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่ากึ่งศตวรรษ เป็นเสมือนสถาบันสัญลักษณ์แห่งการนำเสนอ
ศิลปวัฒนธรรมประจำชาตินำเสนอด้วยรูปแบบของการแสดงอันวิจิตรตระการตา ถูกต้องตามจารีตแบบแผนที่
ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจะได้รับชมการแสดงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้การแสดง“โขน” ของประเทศไทยได้รับการประกาศจากยูเนสโกให้ “โขนไทย” (Khon, Masked Dance Drama in Thailand)ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางด้านวัฒนธรรมของมนุษยชาติ (Intangible Cultural Heritage of Humanity)
ศิลปวัฒนธรรมประจำชาตินำเสนอด้วยรูปแบบของการแสดงอันวิจิตรตระการตา ถูกต้องตามจารีตแบบแผนที่
ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจะได้รับชมการแสดงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้การแสดง“โขน” ของประเทศไทยได้รับการประกาศจากยูเนสโกให้ “โขนไทย” (Khon, Masked Dance Drama in Thailand)ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางด้านวัฒนธรรมของมนุษยชาติ (Intangible Cultural Heritage of Humanity)

การจัดการแสดงโขนศาลาเฉลิมกรุงนั้น เป็นการรักษาอัตลักษณ์ แห่งโขนไว้อย่างครบถ้วน ทั้งในด้านขนบจารีตในการแสดงและพิธีกรรมที่เกี่ยวเนื่อง (Authenticity) คุณค่าแห่งศิลปะชั้นสูงอันเป็นส่วนหนึ่งของมรดกไทย (Thai Heritage) และความเป็นมหรสพเพื่อความบันเทิง (Entertainment) ธำรงไว้ซึ่งความงดงามตามจารีตดั้งเดิมทั้งลีลาและท่วงท่าการแสดง ล้วนเน้นความประณีตอ่อนช้อย การแสดงมีกระบวนท่าที่สวยงาม รวดเร็ว กระชับดนตรีไทยบรรเลงสด ใช้การพากย์เจรจาที่แสดงศิลปะของการเปล่งเสียงเป็นท่วงทำนอง โดยให้เห็นลีลาของผู้พากย์บนเวทีการแสดง ประกอบด้วยเทคนิคแสง สี ภาพประกอบ ตลอดจนฉากวิจิตรงดงามตระการตาอย่างสมัยใหม่พร้อมมีคำบรรยายภาษาอังกฤษและภาษาจีนเพื่ออธิบายเรื่องราวตลอดการแสดง
การจัดการแสดงโขนศาลาเฉลิมกรุงนั้น เป็นการรักษาอัตลักษณ์ แห่งโขนไว้อย่างครบถ้วน ทั้งในด้านขนบจารีตในการแสดงและพิธีกรรมที่เกี่ยวเนื่อง (Authenticity) คุณค่าแห่งศิลปะชั้นสูงอันเป็นส่วนหนึ่งของมรดกไทย (Thai Heritage) และความเป็นมหรสพเพื่อความบันเทิง (Entertainment) ธำรงไว้ซึ่งความงดงามตามจารีตดั้งเดิมทั้งลีลาและท่วงท่าการแสดง ล้วนเน้นความประณีตอ่อนช้อย การแสดงมีกระบวนท่าที่สวยงาม รวดเร็ว กระชับดนตรีไทยบรรเลงสด ใช้การพากย์เจรจาที่แสดงศิลปะของการเปล่งเสียงเป็นท่วงทำนอง โดยให้เห็นลีลาของผู้พากย์บนเวทีการแสดง ประกอบด้วยเทคนิคแสง สี ภาพประกอบ ตลอดจนฉากวิจิตรงดงามตระการตาอย่างสมัยใหม่พร้อมมีคำบรรยายภาษาอังกฤษและภาษาจีนเพื่ออธิบายเรื่องราวตลอดการแสดง

- นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยสามารถซื้อบัตรเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระบรมมหาราชวัง ในราคา ๕๐๐ บาท ณ จุดจำหน่ายบัตรพระบรมมหาราชวัง โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับบัตรเข้าชมการแสดงโขนด้วย
- สามารถเข้าชมในรอบนักท่องเที่ยวที่จัดเป็นพิเศษขึ้นมา ณ โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง ระหว่างวันจันทร์ – วันศุกร์ จัดแสดงวันละจำนวน ๓ รอบ ได้แก่เวลา ๑๓.๐๐ น. / ๑๔.๓๐ น. และ ๑๖.๐๐ น. ความยาวการแสดงรอบละ ๒๕ นาที
- นักท่องเที่ยวสามารถนำบัตรมาติดต่อเข้าชมการแสดงโขนตามรอบที่กำหนดได้ที่โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง
- โทรศัพท์ ๐-๒๒๒๔-๔๔๙๙ (www.salachalermkrung.com)โดยมีรถบริการรับนักท่องเที่ยวจอดรับอยู่บริเวณด้านหน้าประตูวิมานเทเวศร์ ซึ่งเป็นประตูทางออกของพระบรมมหาราชวังรถบริการรับนักท่องเที่ยวไปศาลาเฉลิมกรุงออกก่อนรอบการแสดงเป็นเวลา ๓๐ นาที

ย่อเนื้อหา
เข้าสู่เว็บไซต์



พิพิธภัณฑ์ผ้า
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ
ตั้งอยู่ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก
ริมกำแพงพระบรมมหาราชวังด้านทิศเหนือ ปรากฏหลักฐาน การใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีการบูรณะปรับปรุง และก่อสร้างเพิ่มเติมหลายครั้ง
ริมกำแพงพระบรมมหาราชวังด้านทิศเหนือ ปรากฏหลักฐาน การใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีการบูรณะปรับปรุง และก่อสร้างเพิ่มเติมหลายครั้ง
แสดงเนื้อหา

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชดำริให้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ผ้าฯขึ้นเพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับผ้าไทยและประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายของคนไทย พิพิธภัณฑ์ผ้าฯจึงเป็นสถานที่รวบรวมจัดเก็บรักษาผ้าไทยและเอกสารที่เกี่ยวข้องตลอดจนจัดแสดงงานหัตถศิลป์จากผ้าอันทรงคุณค่าของราชสำนักและผ้าพื้นเมืองต่างๆเพื่อสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์การทอผ้าของไทย ให้คงอยู่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติสืบไป
การก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์ผ้า
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ

พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตั้งอยู่ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกริมกำแพงพระบรมมหาราชวังด้านทิศเหนือ ปรากฏหลักฐานการใช้พื้นที่บริเวณ
ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์มีการบูรณะปรับปรุงและก่อสร้างเพิ่มเติมหลายครั้ง
ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์มีการบูรณะปรับปรุงและก่อสร้างเพิ่มเติมหลายครั้ง

พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ก่อสร้างอาคาร ๒ ชั้น เป็นแถวยาวเมื่อพุทธศักราช ๒๔๑๓ และพระราชทานนามหอรัษฎากรพิพัฒน์ เพื่อเป็นที่ทำการกรมพระคลังมหาสมบัติมีหน้าที่บริหารงาน ด้านการจัดเก็บระเบียบภาษีอากร ต่อมาอาคารนี้ได้กลายเป็นที่ทำการของหน่วยงานอย่างน้อย ๔ หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานธนาคารชาติไทยกรมธนารักษ์ราชบัณฑิตยสถานกองพระราชพิธี จากนั้นจึงว่างเว้นจากการใช้งาน
ในพุทธศักราช ๒๕๔๖ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้อาคารหอรัษฎากรพิพัฒน์ เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ซึ่งการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณารับเป็นประธานที่ปรึกษา ต่อมาในวันที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯจึงเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ
ในพุทธศักราช ๒๕๔๖ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้อาคารหอรัษฎากรพิพัฒน์ เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ซึ่งการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณารับเป็นประธานที่ปรึกษา ต่อมาในวันที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯจึงเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ

วิสัยทัศน์ และพันธกิจ
พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จัดตั้งขึ้นตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ที่ทรงมุ่งหวังให้เป็นแหล่งความรู้ที่ยั่งยืนเกี่ยวกับผ้าตลอดจนประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายของไทย
ที่ทรงมุ่งหวังให้เป็นแหล่งความรู้ที่ยั่งยืนเกี่ยวกับผ้าตลอดจนประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายของไทย
ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของผ้าชนิดต่างๆ และการแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติตั้งแต่ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จนถึงปัจจุบันสะท้อนผ่านเครื่องแต่งกายในราชสำนักยุคต่างๆรวมทั้งฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงนำความเป็นไทยออกไปสู่สากลและก่อให้เกิดรายได้กลับมาสู่
ผู้ผลิตในประเทศ
ผู้ผลิตในประเทศ
นอกจากเป็นแหล่งรวบรวมความรู้เกี่ยวกับผ้าไทยแล้วพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ยังเป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บรักษาผ้าไทยและเอกสารที่เกี่ยวข้องรวมถึงจัดแสดงงานหัตถศิลป์ อันทรงคุณค่าทั้งของราชสำนักและผ้าพื้นเมืองจากท้องถิ่นต่างๆ เพื่อเป็นการสืบสานสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าให้คงอยู่สืบ
เวลาทำการ และอัตราค่าเข้าชม
เวลาทำการ
เปิดทุก วัน เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๓๐ น. ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลา ๑๕.๓๐ น.
อัตราค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่: ๑๕๐ บาท
*ผู้สูงอายุ (อายุ ๖๕ ปีขึ้นไป): ๘๐บาท
*นักเรียน / นักศึกษา: ๕๐ บาท
*เด็กอายุ ๑๒-๑๘ ปี: ๕๐ บาท
*เด็กอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี เข้าชมฟรี
(*โปรดแสดงบัตรประจำตัว)
*ผู้สูงอายุ (อายุ ๖๕ ปีขึ้นไป): ๘๐บาท
*นักเรียน / นักศึกษา: ๕๐ บาท
*เด็กอายุ ๑๒-๑๘ ปี: ๕๐ บาท
*เด็กอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี เข้าชมฟรี
(*โปรดแสดงบัตรประจำตัว)
สถานที่ตั้ง
พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินีนาถตั้งอยู่ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวังระหว่างประตูวิมานเทเวศร์กับประตูวิเศษไชยศรี
โทรศัพท์
โทรสาร
๐ ๒๒๒๕ ๙๔๓๑
เว็บไซต์
ย่อเนื้อหา
เข้าสู่เว็บไซต์


ร้านดอยคำ
ร้านดอยคำ ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งอยู่ที่อรรถวิจารณ์ศาลา ใกล้กับประตูสรีสุนทร และพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เริ่มเปิดบริการเมื่อวันจันทร์ที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยภายในร้านดอยคำ สาขาพระบรมมหาราชวัง มีเครื่องดื่ม ร้อน-เย็น และขนม พร้อมผลิตภัณฑ์จากโครงการพระราชดำริต่างๆ ให้บริการ โดยเปิดทำการตั้งแต่เวลา ๐๗.๓๐ – ๑๖.๐๐ น.
แสดงเนื้อหา


อัฏฏวิจารณ์ศาลา : อรรถวิจารณ์ศาลา ตั้งอยู่ริมประตูสรีสุนทร หรือประตูต้นสน เป็นอาคารที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียว ยกพื้น ก่ออิฐถือปูน เมื่อครั้งที่สยามจัดระบบการยุติธรรมขึ้นใหม่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ใช้อาคารแห่งนี้เป็น “ศาลฎีกา” พระราชทานนามว่า
“อัฏฏวิจารณ์ศาลา” ซึ่งมีความหมายตามรากศัพท์คือ
หมายเหตุ: งดส่วนลดบัตรสมาชิก
“อัฏฏวิจารณ์ศาลา” ซึ่งมีความหมายตามรากศัพท์คือ
• อัฏฏะ (อัต-ตะ) หมายถึง คดีความ
• วิจารณ์ หมายถึง ตรวจตรา สืบค้น
• ศาลา หมายถึง อาคารที่ถูกสร้างขึ้น
“อัฏฏวิจารณ์ศาลา” หรือ “อรรถวิจารณ์ศาลา” ก็คือ “ศาลาพิจารณาคดี” หรือ “ศาล” นั่นเอง ปัจจุบัน อรรถวิจารณ์ศาลา คือร้านดอยคำ สาขาพระบรมมหาราชวังหมายเหตุ: งดส่วนลดบัตรสมาชิก
ดอยคำ หนึ่งในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นำผลิตผลทางการเกษตรโดยรอบโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปทั้ง ๓ แห่ง มาแปรรูปเป็นสินค้าอาทิ น้ำผลไม้ ผลไม้อบแห้ง ผลิตภัณฑ์ทาขนมปัง น้ำผึ้ง และอื่นๆ
อีกหลายผลิตภัณฑ์ ปัจจุบัน บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ดำเนินงานผ่านโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป
๓ แห่งได้แก่
๑. โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๑ (ฝาง) จังหวัดเชียงใหม่
๒. โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๒ (แม่จัน) จังหวัดเชียงราย
๓. โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๓ (เต่างอย) จังหวัสกลนคร
อีกหลายผลิตภัณฑ์ ปัจจุบัน บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ดำเนินงานผ่านโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป
๓ แห่งได้แก่
๑. โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๑ (ฝาง) จังหวัดเชียงใหม่
๒. โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๒ (แม่จัน) จังหวัดเชียงราย
๓. โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๓ (เต่างอย) จังหวัสกลนคร

โดยโรงงานหลวงฯ ทั้ง ๓ แห่ง มีส่วนในการพัฒนาชุมชนชนบทตามศาสตร์ของพระราชา และโมเดลของดอยคำ กว่า ๑,๐๐๐ ครัวเรือน รวมถึงการพัฒนาการศึกษาด้วยการพัฒนาโรงเรียนในบริเวณรอบโรงงานหลวงฯและบำรุงพุทธศาสนาด้วยการพัฒนาวัดให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแก่คนในชุมชน จะเห็นได้ว่า ดอยคำมีการดำเนินงานที่เป็น ธุรกิจเพื่อสังคมอย่างยั่งยืนรอบด้านทั้งการพัฒนาเกษตรกร ชุมชน และสังคม

ร้านค้า Golden Place
ต้นแบบร้านค้าปลีกเพื่อคนไทย ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท สุววรณชาต จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๘ นับว่าเป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริที่พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชการที่ ๙ ทรงจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมให้มีรูปแบบและการจัดการที่เหมาะสมแก่การดำรงชีวิต มีความหลากหลายและราคาไม่แพง เปรียบได้กับว่าร้าน “โกลเด้น เพลซ” เป็น
“ตู้เย็น” ของประชาชนในแต่ละพื้นที่ เป็นการทำธุรกิจการค้าปลีกแบบยั่งยืนเกี่ยวกับสินค้าการเกษณ ด้วยการส่งเสริมด้านการผลิตให้มีคุณภาพสม่ำเสมอ
“ตู้เย็น” ของประชาชนในแต่ละพื้นที่ เป็นการทำธุรกิจการค้าปลีกแบบยั่งยืนเกี่ยวกับสินค้าการเกษณ ด้วยการส่งเสริมด้านการผลิตให้มีคุณภาพสม่ำเสมอ

ร้านโกลเด้น เพลซ สาขาพระบรมมหาราชวัง เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ – ๑๗.๐๐ น.
ย่อเนื้อหา
เข้าสู่เว็บไซต์


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของท่านในเว็บไซต์นี้ โดยการเข้าใช้เว็บไซต์นี้ ท่านยอมรับเงื่อนไขการใช้ คุกกี้ของเรา
ยอมรับ